First week in Norwich


เผลอแป๊บๆ ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาแล้ว 1 สัปดาห์เต็ม
ได้เรียนรู้ ได้พบเจอ ได้ปรับตัวกับอะไรหลายๆอย่างที่นี่
ที่ๆแตกต่างจากบ้านเราเกือบจะสิ้นเชิง
ที่เหมือนอย่างเดียว คงจะเป็นรถพวงมาลัยขวา
อย่างน้อยเราก็ไม่งงตอนข้ามถนน

การปรับตัวอย่างแรกสุดเลย ก็คงเป็นอากาศ
ตอนนี้ อากาศประมาณ 10 กว่าๆ องศา พออยู่ได้ ถ้าลมไม่พัด
เพราะถ้าลมพัดที ลมเย็นจะทะลุผ่านเสื้อหนาวและกางเกงยีนส์ มาถึงชั้นผิวหนังเราอย่างรวดเร็ว
อยู่ได้ 2-3 วัน เราจึงประสบปัญหาผิวหนังแห้งแตกเป็นลาย
เพราะเป็นคนไม่ชอบทาครีม เลยไม่ได้พกมาซักกะขวด
เข้าเมืองไปซื้อครีมที่ Superdrug ตามคำแนะนำในพันทิพ
ได้ครีมยี่ห้อ E45 มา เป็นครีมที่ข้นมาก ลักษณะคล้ายกาว
ไม่มีกลิ่น และคุณสมบัติอื่นใดนอกจากช่วยฟื้นฟูผิวแห้ง
ใช้ไปได้ 2-3 วัน ประทับใจมาก ริ้วรอยที่ขาเริ่มหายไป ของเค้าดีจริง

ส่วนครีมทาหน้า หยิบของยี่ห้อ Simple มา เนื่องจากมันลดราคา
ถูกมากกก ตกขวดละ 100 กว่าบาท
ถือคติ ดีกว่าไม่ทา แต่คงต้องหาครีมตัวใหม่มาใช้หลังขวดนี้หมด
เพราะตอนนี้ก็ยังรู้สึกว่าหน้าแห้งอยู่ดี

การอยู่ที่นี่ เปลี่ยนนิสัยการทาครีมของเราไปลย 
จากคนที่ขี้เกียจทาครีม กลายเป็นมีวินัยที่จะทาครีมทุกครั้งหลังอาบน้ำ
กลับไป ผิวสองสีของเรา อาจจะได้รับการเยียวยา ไม่คล้ำเสียอีกต่อไป


อย่างที่สอง คือ เรื่องการกิน
จากคนที่ทำอาหารไม่เป็น ต้องมาใช้ชีวิตอยู่เอง
จะซื้อกินทุกมื้อก้อคงไม่ไหว ต่ำๆ ในมหาลัยก็มื้อละ 4 ปอนด์กว่า
แถมเป็นอาหารฝรั่งที่กินเข้าไปเยอะๆก็เลี่ยน
อาทิเช่น เบคอนชิ้นโต เฟรนฟราย และผักต้ม
แถมที่นี่ เค้าไม่มีซอสแจก เค้าให้เป็นพริกไทย กะแม็กกี้ 
เลยยิ่งเลี่ยน เข้าไปใหญ่ อยากจะพกซอสติดตัวไว้จริงๆ



โดยมาก เราเลยเลือกที่จะทำอาหารกินเองในห้อง
ดีที่ห้องที่เราเลือก มีครัวและห้องน้ำในตัว
แถมยังมีตู้เย็นอีกด้วย ไม่ต้องไปแย่งกับใคร
พวกเราเลยหาเรื่องไป Supermarket หาของไปเติมตู้เย็นได้ทุกวัน
ทั้งของสด และผลไม้ ข้าวของเครื่องใช้
ปลื้มสตอเบอรี่ กับมะเขือเทศเชอรี่มั่ก อร่อยยใช้ได้ 



แต่ด้วยสกิลการทำอาหารที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
เราจึงต้องพึ่งผงสำเร็จรูปทั้งหลาย ทั้งโลโบ ไอเชฟ คนอร์
ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจ ทั้งไข่พะโล ลาบหมู และหมูกระเพรา อร่อยใช้ได้
เราคงไม่ลำบากเรื่องอาหารการกินแล้วแหละ 5555


.
.

เรื่องที่สาม คือเรื่องภาษา
มันก็แน่อยู่แล้ว ก็เรามาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
การสื่อสารจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการถามทาง
ถามมันได้วันเว้นวัน ทุกครั้งที่ไปที่ใหม่ๆ
หรือไม่ก็ต้องมีปันหาอะไร ให้ได้ต้องไปติดต่อ

ตอนเรียนปรับพื้นฐานในห้อง ก้อพอเข้าใจ
คงเพราะเนื้อหาไม่ยาก แค่ทบทวน Java ที่เคยเรียนตอน ป ตรี
แต่ปัญหามันเกิดตอนที่เพื่อนในห้องพูดเนี่ยแหละ
มีกันอยู่แค่ 6 คนในห้อง นานาชาติมากๆ แต่ละคนพูดเร็วและรัว
จับใจความไม่ค่อยจะได้ เลยยังไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่นัก
รวมถึงนักศึกษาที่ทำงานตามร้านมหาลัย ก็ชอบพูดเป็นไฟเหมือนกัน
เวลาเราพูดกับเค้า เราก็ต้องพยายามใส่ accent เช่นกัน
เพราะเค้าก็เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเราเหมือนกัน
แต่ในเมื่อเรามาที่นี่ เพราะเราอยากพัฒนาภาษา เราก็ต้องพยายามให้มากขึ้น
ใช้ชีวิตให้คุ้ม ที่แม่ส่งให้มาเรียน
ถึงแม้จะคิดถึงแม่ คิดถึงบ้านมากก็ตาม
Keep Fighting✌️


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น