RIVA floating cafe' :: Good memories have to be captured


03.10.15
ตลาดน้ำวัดดอนหวาย &
RIVA Floating Cafe'



กลับมาเขียนไดอารี่อีกครั้ง
เพราะตอนนี้มีโปรเจคในหัวที่อยากทำเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
และอยากจะโชว์ผลงานการถ่ายรูป
จากกล้องที่ยึดเค้ามา และเลนส์ 23 ที่เพิ่งซื้อแบบงงๆ
เนื่องจากเสียเงินไปแล้ว .. .
เราจึงขอเริ่มพยายามเรียนรู้เรื่องการถ่ายภาพกะเค้าบ้างละกัน
ตอนนี้เริ่มรู้สึกดีเวลามีคนชอบรูปที่เราถ่าย
แต่ยังไม่มีปัญญาซื้อกล้อง ทำไงดี!! 
55555

.
.
.


ทริปนี้เกิดขึ้นได้ เพราะ Social network
มีคนแชร์เรื่องคาเฟ่ริมน้ำเยอะแยะมากมาย
เลยมีการคุยกันในกลุ่ม Constable girls ว่า อยากไปกันบ้าง
ตามเทรน Slow life ของยุคนี้ พศ นี้


และชีวิตพวกเราก็ Slow จริงๆ
นัดกันสิบโมง กว่าจะเจอกันครบปาเข้าไปเที่ยง
แถมเจอรถติดบรรลัย กว่าจะไปถึงดอนหวายก็บ่ายแล้ว
ไปถึง เราเลยเดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้าไปยัง แพนายหนับ
เป็ดพะโล้ชื่อดัง ที่ไม่ได้กินมานานนม




ตามคอนเซปกลุ่มนี้ *
อาหารถูกสั่งมาได้อย่างไม่ลืมหูลืมตา
ทั้งๆที่จริงเมื่อวาน เพิ่งไปกินเกี๊ยวจีนกันมาแบบกระเพาะคราก
แชมป์ที่ไม่สบายอยู่ ก็โดนลากไปทรมานด้วย โซซอรี่จิงๆนะ :)

เป็ดพะโล้เจ้านี้ ก้ออร่อยตามท้องเรื่องอยู่แล้ว
แต่จานที่ประทับใจคือ ต้มฟักมะนาวดอง.. 
มันเปรี้ยวและหอมมะนาวดอง แบบไม่มีรสขมเลย
อยากทำให้ได้แบบนี้บ้างจัง

.
.
.

ร้านใหญ่เกือบทุกร้านในตลาดนี้
จะต้องมีป้ายรายการ ป้ายเปิบพิสดารติดแทบทั้งนั้น
และอีป้ายที่ว่านี่ มันก็ดึงดูดความสนใจคนได้มากจิงๆ
ทั้งๆที่สินค้าจริงๆ ก็ไม่ได้อร่อยอะไรขนาดนั้น


แต่ข้อดีของการเดินตลาดดอนหวายตอนท้องอิ่มก็คือ
ช่วยให้เราไม่อ้วนและประหยัด
เพราะไม่มีความรู้สึกอยากกินอาหารใดใดที่เดินผ่านเลย
แต่ตอนนี้แอบเสียดาย คิดถึงบัวลอยเผือก และกั้งดองที่ไม่ได้ซื้อมา




หลังจากที่ไม่ได้มาที่นี่มานานมากก
ก็ค้นพบว่า ราคาสินค้าในตลาด นี่มันแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อย่างสายไหมข้างล่างนี้ แก้วละ 35 บาท OMG
สมัยเด็กๆ ซื้อตามงานวัด ถุงใหญ่มากแค่ 10 บาท
นี่ใช่มั้ย ที่เรียกว่า ภาวะเงินเฟ้อติดลบ

.
.
.

เริ่มจะเย็นแล้ว
เราไปต่อกับที่ RIVA Cafe' สาย 7
เคยเห็นภาพมาแล้ว ทั้งรีวิว ทั้งเพื่อนอัพ
ก็ไม่คิดว่าร้านจะใหญ่ แต่เอาเข้าจริง ก็ไม่คิดว่ามันจะเล็กขนาดนี้





ถ้าใครจะไป ก็ขอแนะนำเลยว่า
อย่าจับกลุ่มรวมตัวไปกันเกิน 4 คน ถ้าอยากนั่งชิวๆ ริมน้ำ
เพราะ มันมีแค่ 2 โต๊ะที่นั่งได้ 4 คน นอกนั้นเป็นโต๊ะ 2 คนทั้งสิ้น
แถมการคาดหวังว่าจะได้นั่งโต๊ะ 4 คนนั้นเป็นไปได้ยากมาก 
(ถ้าไม่รีบไปตอนร้านเปิดอะนะ)

เพราะโต๊ะมันคงชิวมาก จนคนนั่งสามารถหอบหนังสือมานั่งอ่าน
หอบงานหอบการ หอบโน้ตบุ๊คมานั่งทำได้เรื่อยๆ
เราก็ทำได้แค่มองเค้า จากในห้องแอร์
ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็เย็น ><"



แต่ไม่ว่านั่งตรงไหน พวกเราก็มีความสุขได้
เวลาเจอกับกลุ่มนี้ทีไร มักจะมาแชร์เรื่องราวของแต่ละคนให้กันฟัง
บางเรื่องก้อไม่คาดคิด ว่าจะมีอะไรแบบนี้อยู่จริง
บางเรื่องก็สนุกสนานเฮฮา
อยู่ด้วยกันทีไรแล้วแฮปปี้ทุกที



ขอปิดทริปกินตัวแตกเพียงเท่านี้ : )

วันเสาร์ของชั้นหมดไปอย่างรวดเร็ว

พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ที่เดียวดาย เพราะแม่หนีไปเที่ยวสวนสน
 แล้วก็วันจันทร์ ที่ต้องกลับไปเจอมรสุมงาน
แต่มีเรื่องดีคือ แอนสันกำลังจะมาทำงานที่นี่ 2 สัปดาห์

ตุลาคม เดือนอันแสนหนักหน่วงของชั้น

ขอให้มันผ่านไปได้ด้วยดี

ฮึบๆ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น